หลายคนกำลังกังวลว่าทำไมการส่งของข้ามประเทศนั้นถึงแพงมาก ถึงเเม้ว่าของที่เราส่งไปจะมีน้ำหนักไม่เยอะเลย หรือมีขนาดเล็ก เเต่ทำไมราคาค่าขนส่งนั้นก็ยังเเพงอยู่ดี แน่นอนครับการส่งของนั้นคำนวณจากขนาดของกล่องพัสดุเเละน้ำหนักของสินค้า เเล้วนำค่าที่เยอะกว่ามาเปรียบเทียบกัน ถ้าค่าไหนมากกว่า ก็นำมาคิดคำนวณราคาครับ เรามาดูตัวอย่างกันครับว่าการคำนวณราคานั้นมีอะไรบ้าง
1. ขนาดกล่องพัสดุ (Dimension)
ที่คิดจาก กว้าง x ยาว x สูง หารด้วย 5,000
(หรือ 6000 ตามแต่ขนส่งคิด)
เมื่อเเพ็คสินค้าตรวจสอบเเล้วว่ามีความเเข็งเเรง ไม่มีช่องว่าง ห่อด้วย bubble warp หรือสินค้าไหนที่เป็นสินค้าที่มีความเปราะบาง เเนะนำให้ตีลังไม้เพื่อความแข็งแรง เเละทำประกันสินค้าเพิ่มเติม
ทำไมต้องวัดขนาดพัสดุด้วย? เพราะว่าสินค้าบางประเภทนั้นมีขนาดใหญ่มากครับ แต่มีน้ำหนักเบามากครับ
2. คิดจากน้ำหนักสินค้าจริง
โดยการชั่งน้ำหนักสินค้าเมื่อแพ็คสินค้าเรียบร้อยเเล้ว เเละเช่นกันเมื่อเเพ็คสินค้าที่มีความแข็งแรงเเล้วต้องชั่งนำหนักของพัสดุเช่นกัน
ทำไมต้องชั่งขนาดพัสดุด้วย? เหมือนกันกับทำไมต้องวัดขนาดพัสดุ เพราะสินค้าบางชนิดมีขนาดเล็กมาก เเต่มีน้ำหนักที่เยอะ จึงต้องมีการเปรียบเทียบกัน
เมื่อได้ Dimension และน้ำหนักเเล้ว ต้องนำ 2 ค่านี้ว่าค่าไหนเยอะกว่ากันเเล้วนำมาคิดราคา แต่ละที่มีการคิดราคา
ที่แตกต่างกัน เเละแต่ละที่ก็มีโปรโมชั่นที่ต่างกัน ดังนั้นเราต้องเลือกบริการที่ดีและด้วยราคาที่เรารับได้
อย่างไรก็ตามเราเองก็สามารถประหยัดราคาค่าขนส่งได้ด้วยการแพ็คใส่กล่องให้ถูกวิธีง่าย ๆ นั้นก็คือ
การจัดวางสินค้าที่ดีเพื่อใช้พื้นที่ในกล่องให้คุ้มที่สุด
แพ็คสินค่าให้แน่นที่สุด เเพ็คให้เหลือช่องว่างให้น้อยที่สุด เพราะจะได้ไม่ติด Dimension ในการคำนวณราคา แต่ใช้ได้กับสินค้าบางชนิดเท่านั้น เช่น เสื้อผ้า เพราะสามารถใส่ในกล่องได้ไม่เสียหาย เเละสินค้าที่เสี่ยงจะเเตกหัก หรือเสียหาย อาจไม่คุ้มกับการแพ็ควิธีนี้
อย่างไรก็ตาม การให้เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญจากบริษัทรับส่งของไปต่างประเทศ เป็นผู้เเพ็คสินค้าเเพ็คให้ดูจะเป็นทางที่ดีที่สุด เพราะพนักงานมากประสบการณ์จะรู้ว่าต้องแพ็คยังไง เพียงเท่านี้เราก็สามารถประหยัดค่าส่งได้อีกเยอะ และทำให้การขายของเราได้กำไรมากขึ้นอีกด้วย
Komentarze