หากจะพูดถึงระยะทางระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ก็ต้องบอกว่าเป็นระยะทางที่ไกลกันหลายพันกิโลเมตร แต่ด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของธุรกิจโลจิสติกส์ หรือการขนส่งพัสดุ ทำให้เราสามารถส่งของไปให้เพื่อน ครอบครัว หรือคนรักที่อาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย รวมถึงเป็นประตูสำคัญในการเปิดตลาดส่งออกสินค้าถึงมือลูกค้าที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อขยายธุรกิจได้อีกด้วย
แต่การส่งของไปญี่ปุ่นนั้น แม้จะสามารถทำได้ง่ายดายและถึงมือผู้รับอย่างรวดเร็วผ่านบริษัทขนส่งที่หลากหลาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการอยู่ ลองมาดูกันว่าวิธีส่งของไปญี่ปุ่นสามารถส่งได้กี่วิธี และมีสินค้าต้องห้ามอะไรบ้างที่ห้ามส่งไป เราสรุปมาให้ครบถ้วนในบทความนี้
วิธีส่งของไปญี่ปุ่น มีกี่แบบ แบบไหนเหมาะกับสินค้าอะไรบ้าง?
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่าการส่งพัสดุไปประเทศญี่ปุ่นในยุคนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายวิธี และแต่ละวิธีก็เหมาะกับพัสดุที่แตกต่างกันไป โดยวิธีที่ส่งได้สะดวกและได้รับความนิยมจากผู้ส่งในปัจจุบัน จะมีทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน ดังนี้
การขนส่งทางเรือ
การส่งพัสดุไปประเทศญี่ปุ่นด้วยการขนส่งทางเรือ เป็นวิธีที่ราคาถูกกว่าการขนส่งชนิดอื่น ๆ เหมาะกับการขนส่งสินค้าปริมาณมากที่สามารถทนต่อความชื้นได้และไม่มีวันหมดอายุในระยะเวลาอันใกล้ สามารถเลือกส่งได้ทั้งแบบเหมาตู้คอนเทนเนอร์และแบบแชร์ตู้กับผู้ส่งรายอื่น ๆ ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงจะถึงจุดหมาย
การขนส่งทางอากาศแบบประหยัด
การขนส่งทางอากาศแบบประหยัด เป็นวิธีที่เร็วกว่าการขนส่งทางเรือและมีราคาถูกกว่าการขนส่งแบบ EMS ใช้เวลาขนส่งประมาณ 7-11 วันทำการ เหมาะกับผู้ส่งรายย่อยที่ต้องการส่งพัสดุที่ไม่สามารถทนต่อความชื้นได้ หรือต้องการเร่งส่งให้ถึงมือผู้รับโดยเร็ว และมีปริมาณน้อย
การขนส่งทางอากาศแบบด่วน
การขนส่งทางอากาศแบบด่วน หรือที่เรียกว่า EMS (Express Mail Service) เป็นวิธีส่งของไปญี่ปุ่นที่รวดเร็วที่สุด ใช้เวลาเพียงแค่ 3-5 วันทำการเท่านั้น แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงที่สุดด้วยเช่นกัน เหมาะกับพัสดุที่ต้องรีบใช้แบบเร่งด่วน หรือมีวันหมดอายุในระยะเวลาอันสั้น เช่น เอกสารสำคัญ เครื่องสำอาง ขนม เป็นต้น
จากวิธีขนส่งทั้ง 3 วิธีนี้ เราจึงสรุปได้ว่าความแตกต่างของแต่ละวิธีอยู่ที่ราคา วิธีการ และระยะเวลาที่ใช้เป็นหลัก ดังนั้น จะเลือกใช้วิธีไหน ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของพัสดุและความเร่งด่วนในการใช้งานนั่นเอง
เช็กลิสต์ของห้ามส่งไปญี่ปุ่นที่ควรรู้
ได้รู้กันไปแล้วว่าการส่งของ หรือพัสดุไปประเทศญี่ปุ่นสามารถทำได้ด้วยวิธีไหนบ้าง แต่การส่งพัสดุไปประเทศญี่ปุ่นก็มีข้อห้ามบางประการเช่นกัน และนี่คือลิสต์สิ่งของที่ห้ามส่งไป
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า วิสกี้ สาเก โซจู เบียร์ รวมถึงเหล้าสำหรับการทำอาหาร
ผลิตภัณฑ์จากนมและเนื้อสัตว์ เช่น อาหารพร้อมรับประทานที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเนื้อสัตว์ ชีส นมผง โยเกิร์ต
ยา ยาเสพติด เครื่องมือแพทย์ ยาใช้เฉพาะที่ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
อาวุธและสิ่งของมีคมทุกชนิด เช่น ปืน มีด กรรไกร เลื่อย
บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
ไม้ดอกและเมล็ดพืช
สัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งขนสัตว์
สินค้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม เช่น คอมพิวเตอร์ กล้องดิจิทัล นาฬิกาข้อมือ
สิ่งของต้องห้ามตาม Washington Convention Ivory เช่น กระดองเต่า ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ว่านหางจระเข้และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้
สารพิษและสารที่เป็นอันตรายทุกชนิด เช่น สารโซเดียมไซยาไนด์ สารคลอโรฟอร์ม สารหนู
รายละเอียดที่ต้องระบุในการส่งของ
หากใครต้องการส่งของไปญี่ปุ่น และเลือกวิธีการขนส่งเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายในการส่งพัสดุไปยังประเทศญี่ปุ่นก็คือการแพ็กของให้เรียบร้อย โดยควรเลือกใช้กล่องที่มีขนาดพอดีกับสินค้า และแพ็กให้แน่นหนาเพื่อป้องกันพัสดุเสียหายระหว่างการขนส่ง นอกจากนี้ อย่าลืมระบุรายละเอียดในการส่งให้ครบถ้วนด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ รหัสไปรษณีย์ของทั้งผู้ส่งและผู้รับ และควรระบุประเภทสินค้า วัสดุ ประเทศที่ผลิต น้ำหนัก และมูลค่าลงบนหน้ากล่องให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เพียงเท่านี้พัสดุของคุณก็จะถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยแล้ว
อยากส่งของไปประเทศญี่ปุ่น หรือส่งของต่างประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งของส่วนตัวหรือส่งในรูปแบบธุรกิจ เลือกใช้บริการจาก Ezy Express เราให้บริการส่งพัสดุไปต่างประเทศแบบครบวงจร มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี การันตีได้มาตรฐาน พัสดุถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย สามารถเช็กราคาค่าส่งเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือหากต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามผ่านสายด่วน Ezy Express ได้ที่เบอร์ 061-398-3300 หรือ LINE Official @ezyexpress
Comments