ในยุคที่อินเทอร์เน็ตย่อโลกให้เล็กลง ทำให้การติดต่อค้าขายมีความสะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น ที่ไม่ใช่แค่บริษัทกับบริษัท แต่ผู้ประกอบการตัวเล็ก ๆ หรือร้านค้า SME ก็สามารถส่งสินค้าไปขายให้กับลูกค้าอีกฟากโลกได้แบบง่าย ๆ หากใครที่อยากส่งออกสินค้าไปต่างประเทศบ้าง ต้องเริ่มเรียนรู้จากอะไรบ้าง รวมถึงควรใช้วิธีไหนในการส่งออกสินค้า ติดตามได้ในบทความนี้
1. เรียนรู้ด้านการตลาดและความต้องการของลูกค้า
การเรียนรู้และวิเคราะห์ตลาด เป็นขั้นตอนสำคัญในการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยจะต้องเลือกและปรับใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสม โดยจะต้องดูถึงความชอบ ความต้องการ และพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มตลาดเป้าหมาย ตลอดจนการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดต่างประเทศแต่ละแห่ง เพราะหากว่าเราทำการตลาดผิดจุด ก็อาจทำให้เราต้องเสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่ายไปโดยเปล่าประโยชน์
2. ศึกษาช่องทางการวางขายสินค้าทางออนไลน์
อยากส่งออกสินค้าไปต่างประเทศและขายของได้อย่างราบรื่น จำเป็นจะต้องศึกษาและเข้าใจช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งในแต่ละประเทศก็มีช่องทางการขายยอดนิยมที่แตกต่างกันออกไป อย่างในประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อผ่านทาง Shopee หรือ Lazada ส่วนในประเทศจีนจะเลือกช้อปผ่าน Alibaba แต่หากเป็นในสหรัฐอเมริกาจะช็อปผ่าน amazon.com, eBay หรือ Etsy.com หรือในประเทศญี่ปุ่นหากต้องการซื้อขายสินค้าประเภทงานฝีมือ งานแฮนด์เมด หรือสินค้ามือสองก็จะนิยมเข้าไปสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านทาง Yahoo.jp เป็นต้น
3. วางแผนการตลาดอย่างรัดกุม
สำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มสร้างแบรนด์ และมีความต้องการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเพื่อขยายตลาด ขั้นตอนการวางแผนโปรโมตสินค้ายิ่งต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม โดยจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการสื่อสารให้ชัดเจน ทั้งในเรื่องของราคา ข้อดีของสินค้า หรือถ้าหากมีการจัดโปรโมชันก็ต้องบอกรายละเอียดที่ชัดเจนไม่สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภคด้วย
4. คำนวณต้นทุนในการจัดส่งสินค้าอย่างรัดกุม
ต้นทุนในการจัดส่งสินค้า เป็นอีกหนึ่งข้อที่ผู้นำเข้าหรือผู้ส่งออก (ผู้ซื้อและผู้ขาย) จะต้องมีการวางแผนและทำข้อตกลงให้ชัดเจน ซึ่งสำหรับผู้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ จะเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบเรื่องค่าขนส่ง ตั้งแต่ขั้นตอนในโกดังสินค้าของตนไปจนถึงท่าเรือเพื่อขนถ่ายสินค้า โดยต้องคำนวณค่าขนส่งเข้าไปในราคาที่ขาย หรือที่เรียกว่า F.O.B. Shipping Point อย่างรัดกุมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการขาดทุน หรือทำไปแล้วไม่คุ้มทุนในภายหลัง
5. ตรวจสอบเรื่องกฎหมายและภาษีของแต่ละประเทศอย่างละเอียดรอบคอบ
การเข้าใจถึงกฎระเบียบการนำเข้า/ส่งออก และข้อกำหนดทางศุลกากรของประเทศที่ส่งสินค้าไป รวมถึงการดำเนินการเรื่องภาษีศุลกากรที่ต้องจ่ายในประเทศนั้น ๆ ให้ถูกต้อง ก็จะช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสินค้าถูกตีกลับ และปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมาในอนาคตได้
6. เลือกบริษัทขนส่งที่ใช่
การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ ควรดำเนินงานโดยผู้ที่ให้บริการขนส่งที่มีความเชี่ยวชาญ ที่มาพร้อมกับบริการเหล่านี้ เช่น ค่าบริการขนส่งที่ได้มาตรฐานและสมเหตุสมผล มีบริการเสริมอื่น ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่ง รวมถึงการรับประกันความเสียหายหรือสิ่งของสูญหายด้วยบริการที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญจะต้องมีบริการเดินพิธีการศุลกากรขาออกไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการของผู้ส่งสินค้าได้เป็นอย่างดี
7. บริการก่อนและหลังการขายที่มีคุณภาพ
สำหรับขั้นตอนสุดท้าย การให้ความสำคัญในการเลือกบริษัทขนส่งที่มีบริการก่อนและหลังการขายที่มีคุณภาพ ถือว่าเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้การทำธุรกิจประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำแนะนำเพื่อให้จัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว และการมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถติดต่อได้ง่าย ในการตอบคำถามข้อสงสัยหรือหากเกิดปัญหาด้านการจัดส่ง
อยากส่งออกสินค้าไปต่างประเทศแบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ที่ไม่ต้องดำเนินการส่งออกสินค้าด้วยตัวเองให้ยุ่งยาก เลือกใช้บริการกับ Ezy Express เรามีทีมงานมืออาชีพที่จะช่วยส่งสินค้าไปต่างประเทศมากกว่า 20 ปี พร้อมบริการเดินพิธีการศุลกากรขาออกแบบครบวงจร ที่ดำเนินงานตามมาตรฐานสากล ช่วยประหยัดเวลา เพิ่มความสะดวก ส่งสินค้าได้ไว ปลอดภัย ถึงปลายทาง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านสายด่วน Ezy Express ได้ที่เบอร์ 061-398-3300 หรือ LINE Official @ezyexpress
Comments